+ All Categories
Home > Documents > วิทยบรรณสารelib.coj.go.th/Ebook/data/Journal/insd2011_5.pdf ·...

วิทยบรรณสารelib.coj.go.th/Ebook/data/Journal/insd2011_5.pdf ·...

Date post: 19-May-2018
Category:
Upload: dangdang
View: 217 times
Download: 2 times
Share this document with a friend
8
ปีท่ 5 ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2554 (http://www.isd.coj.go.th) วิทยบรรณสาร ผู้จัดทำ : ศูนย์วิทยบริการศาลยุติธรรม (Academic Resource Center) ที่อยู: อาคารศาลอาญาชั้น 6 ถ.รัชดาภิเษก เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร. 0 2513 8335 โทรสาร 0 2541 2264 ที่มา : http://www.gpf.or.th/web/GPF_CloseToMoney.asp ในภาวะที่เศรษฐกิจซบเซา ทำให้หลายคนมีความกังวลใจกับการใช้จ่าย และความมั่นคงใน หน้าที่การงานมากขึ้น ผลที่ตามมาก็คือ ไม่ใช้จ่ายหรือใช้จ่ายน้อยลง ในด้านของผู้ประกอบการ นอกจาก จะต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นแล้ว ยังต้องเผชิญกับสินค้าค้างสต๊อก ขายไม่ออก ทำให้ต้องงัด กลยุทธ์ ลดแลก แจกแถม โปรโมชั่นพิเศษ เข้ามากระตุ้นแรงซื้อจากผู้บริโภค เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้ความ อยากได้ใคร่มีของใครหลายคนเกิดมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะอยากได้แต่มีกำลังซื้อไม่เพียงพอ เทคนิค การซื้อสินค้าด้วยเงินผ่อนอาจจะด้วยวิธีการใช้บัตรเครดิตรูด ดอกเบี้ย 0% บ้าง 0.5% บ้าง จึงเป็นทางเลือกเพื่อตอบสนอง ความต้องการของตนเองทำให้เกิดหนี้สินโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นผู้บริโภคในยุคปัจจุบันอย่างเราๆ จึงจำเป็นต้องสร้างภูมิคุ้มกันในการ ใช้จ่ายให้กับตนเองด้วยเทคนิคง่ายๆ ดังต่อไปนีคิดอยู่เสมอว่าเงินออก ง่ายกว่าเงินเข้ากระเป๋า ไม่ต้องสนใจใครจะว่าขี้เหนียว เพราะเมื่อถึงเวลาที่คุณเดือดร้อน ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเอง ที่สำคัญกว่าจะมีรายได้ในแต่ละเดือนไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฉะนั้นเวลาจะจ่ายออกไปต้อง คิดให้รอบคอบ ถามตัวเอง อะไรจำเป็นที่สุด การกำหนดวัตถุประสงค์ในการซื้อ จะช่วยให้ได้สิ่งของที่ตรงกับความต้องการและ ประโยชน์ใช้สอยมากที่สุด หลายคนเลือกที่จะเดินไปเรื่อยๆ ถูกใจจึงซื้อ ของหลายอย่างแม้ถูกใจแต่ซื้อมาแล้วไม่สามารถนำมา ใช้ประโยชน์ได้ เช่น ข้าวของเครื่องใช้ที่ซื้อมากองเต็มบ้านแต่ยังไม่มีโอกาสได้ใช้ หรือยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ จึงถือ เป็นการใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยเปล่าประโยชน์ แทนที่จะนำไปเก็บออมออกดอกออกผล กลับต้องมาลงที่เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ที่เป็นสินทรัพย์ด้อยค่า ยิ่งเก็บไว้ราคายิ่งลดลง ไม่ตึงไป ไม่หย่อนไป หมายความว่า ไม่สุดโต่ง ยกตัวอย่างง่ายๆ หิวก็ต้องกิน ง่วงก็ต้องนอน อย่าฝืนตนเอง เพราะถ้าหิว แล้วไม่กินก็จะเป็นโรคกระเพาะ ง่วงแล้วไม่นอนก็จะอ่อนเพลีย ทางกลับกัน ถ้านอนมากย่อมอ่อนเพลีย กินมากอาจจะ อาเจียนได้ ดังนั้นอย่าทำอะไรมากหรือน้อยจนเกินไป การใช้จ่ายเงินก็เหมือนกัน ใช้มากไปฟุ่มเฟือยก็จะทำให้ยากจน เก็บออม มากไปไม่ใช้เลยชีวิตก็ไม่มีความสุข คนทำงานล้วนอยากได้เงิน เพื่อไปซื้อของ แต่ถ้าเราซื้อของมากเกินพอดี แน่นอน ว่าย่อมไม่มีเงินเหลือไว้ใช้ เพราะฉะนั้นใช้แต่พอประมาณ และก่อนที่จะนำเงินออกจาก กระเป๋า ต้องถามตัวเองก่อนว่าสิ่งที่จ่ายออกไปคุ้มค่าหรือไม่ เพียงแค่นี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะมีเงินไว้ใช้จ่ายอย่างสบายและเพียงพอ
Transcript
Page 1: วิทยบรรณสารelib.coj.go.th/Ebook/data/Journal/insd2011_5.pdf · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป

ปีที่ 5 ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2554 (http://www.isd.coj.go.th)

วิทยบรรณสาร

ผู้จัดทำ:ศูนย์วิทยบริการศาลยุติธรรม(AcademicResourceCenter)ที่อยู่ :อาคารศาลอาญาชั้น6ถ.รัชดาภิเษกเขตจตุจักรกรุงเทพฯ10900โทร.025138335โทรสาร025412264

ที่มา : http://www.gpf.or.th/web/GPF_CloseToMoney.asp

ในภาวะที่เศรษฐกิจซบเซา ทำให้หลายคนมีความกังวลใจกับการใช้จ่าย และความมั่นคงใน

หน้าที่การงานมากขึ้น ผลที่ตามมาก็คือ ไม่ใช้จ่ายหรือใช้จ่ายน้อยลง ในด้านของผู้ประกอบการ นอกจาก

จะต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นแล้ว ยังต้องเผชิญกับสินค้าค้างสต๊อก ขายไม่ออก ทำให้ต้องงัด

กลยุทธ์ ลดแลก แจกแถม โปรโมชั่นพิเศษ เข้ามากระตุ้นแรงซื้อจากผู้บริโภค เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้ความ

อยากได้ใคร่มีของใครหลายคนเกิดมากขึ้นถึงแม้ว่าจะอยากได้แต่มีกำลังซื้อไม่เพียงพอ

เทคนิค

การซื้อสินค้าด้วยเงินผ่อนอาจจะด้วยวิธีการใช้บัตรเครดิตรูด ดอกเบี้ย 0% บ้าง 0.5% บ้าง จึงเป็นทางเลือกเพื่อตอบสนอง

ความต้องการของตนเองทำให้เกิดหนี้สินโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นผู้บริโภคในยุคปัจจุบันอย่างเราๆ จึงจำเป็นต้องสร้างภูมิคุ้มกันในการ

ใช้จ่ายให้กับตนเองด้วยเทคนิคง่ายๆดังต่อไปนี้

คิดอยู่เสมอว่าเงินออก ง่ายกว่าเงินเข้ากระเป๋า ไม่ต้องสนใจใครจะว่าขี้เหนียว เพราะเมื่อถึงเวลาที่คุณเดือดร้อน

ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเอง ที่สำคัญกว่าจะมีรายได้ในแต่ละเดือนไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฉะนั้นเวลาจะจ่ายออกไปต้อง

คิดให้รอบคอบ

ถามตัวเอง อะไรจำเป็นที่สุด การกำหนดวัตถุประสงค์ในการซื้อ จะช่วยให้ได้สิ่งของที่ตรงกับความต้องการและ

ประโยชน์ใช้สอยมากที่สุด หลายคนเลือกที่จะเดินไปเรื่อยๆ ถูกใจจึงซื้อ ของหลายอย่างแม้ถูกใจแต่ซื้อมาแล้วไม่สามารถนำมา

ใช้ประโยชน์ได้ เช่น ข้าวของเครื่องใช้ที่ซื้อมากองเต็มบ้านแต่ยังไม่มีโอกาสได้ใช้ หรือยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ จึงถือ

เป็นการใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยเปล่าประโยชน์ แทนที่จะนำไปเก็บออมออกดอกออกผล กลับต้องมาลงที่เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า

ที่เป็นสินทรัพย์ด้อยค่ายิ่งเก็บไว้ราคายิ่งลดลง

ไม่ตึงไป ไม่หย่อนไป หมายความว่า ไม่สุดโต่ง ยกตัวอย่างง่ายๆ หิวก็ต้องกิน ง่วงก็ต้องนอน อย่าฝืนตนเอง เพราะถ้าหิว

แล้วไม่กินก็จะเป็นโรคกระเพาะ ง่วงแล้วไม่นอนก็จะอ่อนเพลีย ทางกลับกัน ถ้านอนมากย่อมอ่อนเพลีย กินมากอาจจะ

อาเจียนได้ ดังนั้นอย่าทำอะไรมากหรือน้อยจนเกินไป การใช้จ่ายเงินก็เหมือนกัน ใช้มากไปฟุ่มเฟือยก็จะทำให้ยากจน เก็บออม

มากไปไม่ใช้เลยชีวิตก็ไม่มีความสุข

คนทำงานล้วนอยากได้เงินเพื่อไปซื้อของแต่ถ้าเราซื้อของมากเกินพอดีแน่นอน

ว่าย่อมไม่มีเงินเหลือไว้ใช้ เพราะฉะนั้นใช้แต่พอประมาณ และก่อนที่จะนำเงินออกจาก

กระเป๋าต้องถามตัวเองก่อนว่าสิ่งที่จ่ายออกไปคุ้มค่าหรือไม่เพียงแค่นี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เราจะมีเงินไว้ใช้จ่ายอย่างสบายและเพียงพอ

Page 2: วิทยบรรณสารelib.coj.go.th/Ebook/data/Journal/insd2011_5.pdf · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป ฉบับเตรียมสอบเข้านิติศาสตร์ ชื่อผู้แต่ง พรรษวัฒน์ พูนทองพันธ์ และคนอื่นๆ เลขหมู่ 340 พ4ค 2554จำนวนหน้า 325 หน้า

คู่มือสอบกฎหมายปกครองชื่อผู้แต่ง สุริยา ปานแป้น, อนุวัฒน์ บุญนันท์ เลขหมู่ 350 ส7ค 2554จำนวนหน้า 387 หน้า

คำแนะนำการศึกษาต่อปริญญาโทด้านกฎหมายในต่างประเทศ ชื่อผู้แต่ง มานิตย์ จุมปา, บรรณาธิการ เลขหมู่ 340.071 ม6ค 2554จำนวนหน้า 227 หน้า

ดวงสมร เวชกิจ มุมหนังสือน่าอ่าน

หนงัสอืความรูเ้บือ้งตน้เกีย่วกบักฎหมายทัว่ไปฉบบัเตรยีมสอบเขา้นติศิาสตร์เลม่นีเ้รยีบเรยีงเนือ้หาคำอธบิายโดยแบง่ออกเปน็6ภาค

ในภาค1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป ได้แก่ ความหมายของกฎหมายบ่อเกิดของกฎหมายประวัติศาสตร์กฎหมายไทยภาค2

กฎหมายแพง่และพาณชิย์ภาค3กฎหมายอาญาภาค4กฎหมายมหาชนไดแ้ก่กฎหมายรฐัธรรมนญูกฎหมายปกครองภาค5กฎหมายพเิศษ

ได้แก่กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญากฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวันและภาค6แบบฝึกหัดและเฉลย

2 จดหมายข่าว วิทยบรรณสาร

* บรรณารักษ์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานบริการสารสนเทศ

หนังสือคู่มือสอบกฎหมายปกครอง มีเนื้อหาให้ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายปกครอง โดยในส่วนที่ 1 กล่าวถึง

กฎหมายปกครองภาคทั่วไป ที่อธิบายเกี่ยวกับหลักพื้นฐานของกฎหมายปกครอง กฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง กฎหมาย

ว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่กฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการส่วนที่2กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและ

วิธีพิจารณาคดีปกครอง ที่กล่าวถึง ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับศาลปกครอง เขตอำนาจของศาลปกครอง เงื่อนไขการฟ้องคดีปกครอง และใน

ส่วนที่3กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างกฎหมายปกครองแต่ละฉบับและตัวอย่างข้อสอบ

หนังสือคำแนะนำการศึกษาต่อปริญญาโทด้านกฎหมายในต่างประเทศเล่มนี้ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการศึกษาต่อปริญญาโททางด้าน

กฎหมายในต่างประเทศ การเตรียมตัวก่อนไปศึกษาต่อปริญญาโททางกฎหมายในต่างประเทศ ประสบการณ์การศึกษาต่อปริญญาโท

ด้านกฎหมายในประเทศต่างๆได้แก่ประเทศสหรัฐอเมริกาประเทศอังกฤษและประเทศออสเตรเลีย

สนใจหนังสือเล่มนี้สามารถใช้บริการอ่านหรือยืมได้ที่ห้องสมุดศูนย์วิทยบริการศาลยุติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรม

Page 3: วิทยบรรณสารelib.coj.go.th/Ebook/data/Journal/insd2011_5.pdf · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป

2011 : Volume 5 สรวิศ ลิมปรังษี

* ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจำสำนักประธานศาลฎีกา

คำว่า “Jurisdiction” ปกติหากใช้ในความหมายทาง

กฎหมายจะหมายถึงขอบเขตอำนาจในการตีความและบังคับใช้

กฎหมาย โดยรวมถึงทั้งขอบอำนาจในเชิงของพื้นที่ทางภูมิศาสตร์

(Geographical area) และขอบอำนาจในเชิงของลักษณะของเรื่อง

ที่เกี่ยวข้องด้วย

ในประเทศสหรัฐอเมริกา ศาลของมลรัฐแต่ละรัฐย่อมมี

ขอบอำนาจในเชิงของพื้นที่ครอบคลุมเฉพาะในอาณาบริเวณรัฐ

ของตนเท่านั้น แต่แม้เรื่องที่พิพาทขึ้นในอาณาบริเวณรัฐของตนก็

ไม่ใช่ว่าจะมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้ทุกเรื่อง หากแต่ต้อง

Jurisdiction

พิจารณาด้วยว่าเรื่องที่พิพาทกันนั้นเป็นเรื่องที่อยู่ในขอบอำนาจของศาลมลรัฐหรือศาลของรัฐบาลกลาง โดยอาจจะต้องพิจารณาถึง

กฎหมายที่ใช้บังคับหรือเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวว่าเป็นกฎหมายของมลรัฐหรือรัฐบาลกลาง

หากเราแบ่งกลุ่มศาลตามลักษณะของขอบอำนาจแล้วอาจแบ่งได้เป็นศาลกลุ่มที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาเรื่องทั่วไป ไม่ได้จำกัด

อำนาจหน้าที่แต่ในเฉพาะคดีบางประเภทหรือบางลักษณะ เราเรียกขอบอำนาจในลักษณะนี้ว่าเป็น“Court of general jurisdiction”

ศาลในกลุ่มนี้หากเป็นศาลในประเทศไทยอาจได้แก่ศาลจังหวัดต่างๆ ที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาเรื่องทั่วๆ ไป หรือหากเป็นศาลในประเทศ

สหรัฐอเมริกาอาจได้แก่ศาลdistrictcourts,superiorcourtเป็นต้น

ศาลอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาเฉพาะในคดีบางเรื่องหรือบางประเภทเท่านั้น เราเรียกว่าเป็น “Court of

special jurisdiction” คำว่า Special หรือลักษณะความเป็นพิเศษนี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกอยู่ในตัวแล้วว่าอำนาจในการพิจารณาพิพากษาของ

ศาลในกลุ่มนี้มีความเป็นพิเศษที่จะเฉพาะเจาะจงกับคดีบางประเภทหรือบางลักษณะเท่านั้น ศาลในกลุ่มนี้มีให้พบเห็นกันมากมาย ไม่ว่าจะ

เปน็ในประเทศไทยหรอืในตา่งประเทศเชน่ศาลภาษอีากร(Taxcourt)ศาลคดเีดก็และเยาวชน(Juvenilecourt)ศาลจราจร(Trafficcourt)

ศาลคดียาเสพติด (Drug court) เป็นต้น ชื่อศาลแต่ละศาลเหล่านี้ย่อมบ่งบอกอยู่ในตัวเองแล้วว่าขอบอำนาจในการพิจารณาพิพากษาของ

ศาลแต่ละแห่งจำกัดอยู่ในคดีลักษณะหรือประเภทใดบ้าง

ตัวอย่างการใช้ของคำทั้งสองข้างต้นนี้เช่น

Theprovincialcourtsarethecourts of general jurisdiction withwhichwecanfileavarietyoflawsuits.(ศาลจังหวัด

เป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีทั่วๆไปซึ่งเราสามารถฟ้องร้องคดีได้หลากหลายประเภท)

ยก 1 ของคดีเขาพระวิหาร (ภาค 2)

ตอนขอบอำนาจของศาลโลกต่อ “ข้อพิพาท” (ต่อ)

3ปีที่ 5 ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2554 ศูนย์วิทยบริการศาลยุติธรรม

Page 4: วิทยบรรณสารelib.coj.go.th/Ebook/data/Journal/insd2011_5.pdf · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป

4 จดหมายข่าว วิทยบรรณสาร

The Central Intellectual Property and International Trade Court can accept only cases relating to intellectual

propertyrightsandotherkindsofcasesspecifiedbythelaw,becauseitisa court of special jurisdiction.(ศาลทรพัยส์นิ

ทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางสามารถรับฟ้องได้เฉพาะคดีเกี่ยวกับสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและคดีประเภทอื่นที่

กฎหมายกำหนดเพราะว่าเป็นศาลที่มีขอบอำนาจในการพิจารณาพิพากษาเป็นพิเศษ)

ในประเด็นของ Jurisdiction นี้ เราอาจแบ่งกลุ่มได้อีกลักษณะโดยแยกเป็นขอบอำนาจในการรับพิจารณาพิพากษาคดีไว้ในชั้นแรกสุด

ทีค่ดเีขา้สูก่ระบวนพจิารณาของศาลเราเรยีกขอบอำนาจในลกัษณะนีว้า่เปน็ “Original jurisdiction”โดยคำวา่“Original”นีใ้นความหมาย

ทั่วไปหมายถึงต้นฉบับดั้งเดิม หรืออาจจะหมายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแรกสุด ดังนั้น เมื่อนำมาใช้กับขอบอำนาจในการพิจารณาพิพากษาคดีจึงทำให้

หมายถึงขอบอำนาจในการรับคดีเข้าสู่กระบวนพิจารณาในชั้นแรกสุด ในกรณีทั่วไปเรามักจะหมายถึงขอบอำนาจของศาลชั้นต้นในการ

รับฟ้องคดีต่างๆ ไว้พิจารณา เนื่องจากคดีส่วนใหญ่จะเริ่มที่ศาลชั้นต้น เช่น ในคดีฟ้องให้ชำระหนี้ตามสัญญากู้ ศาลแพ่ง ศาลจังหวัด หรือ

ศาลแขวงที่มีอำนาจรับฟ้องคดีดังกล่าวไว้พิจารณาพิพากษาถือว่าเป็นศาลที่มี“Originaljurisdiction”เหนือคดีดังกล่าว

ในกรณีของคดีเลือกตั้งที่มีปัญหาว่าได้มีการสมัครรับเลือกตั้งฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิก

สภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 อาจมีการยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาพิจารณาและวินิจฉัยในปัญหาที่เกิดขึ้นได้

การที่คดีดังกล่าวตั้งต้นที่ศาลฎีกาจึงถือได้ว่าศาลฎีกาเป็นศาลที่มี“Originaljurisdiction”เหนือคดีลักษณะนี้

ขอบอำนาจในการพิจารณาพิพากษาคดีอีกลักษณะหนึ่งที่จะ

แตกต่างจาก “Original jurisdiction” คือขอบอำนาจที่เราเรียกว่า

“Appellate jurisdiction” กรณทีีจ่ะถอืวา่เปน็Appellatejurisdiction

จะได้แก่กรณีอำนาจของศาลสูงที่สามารถตรวจสอบคำพิพากษาของ

ศาลล่างที่ได้พิจารณาพิพากษาคดีใดคดีหนึ่งมาแล้วเพื่อตรวจสอบ

ดุลพินิจหรือความชอบด้วยกฎหมายของข้อวินิจฉัยประเด็นปัญหาต่างๆ

ที่ศาลล่างได้วินิจฉัยไว้ในคำพิพากษา ศาลที่จะมีขอบอำนาจในลักษณะ

ที่เป็นAppellatejurisdictionจึงได้แก่ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาในคดี

ที่พิจารณาอุทธรณ์หรือฎีกาคำพิพากษาของศาลล่าง

TheSupremeCourthasoriginal jurisdictionovercases

inwhich it is alleged that an applicant running for an

electiondoesnotpossess thenecessaryqualifications.

(ศาลฎีกาเป็นศาลที่มีขอบอำนาจรับพิจารณาคดีที่มีการกล่าวหาว่า

ผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่มีคุณสมบัติที่จำเป็น)

At the same time, the Supreme Court has appellate

jurisdictionwhichgivestheCourttheauthoritytoreview

thedecisionsofthelowercourts.(ในขณะเดียวกันศาลฎีกา

มีขอบอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีที่อุทธรณ์ขึ้นมาทำให้ศาลฎีกา

มีอำนาจที่จะตรวจสอบคำตัดสินของศาลล่างได้)

Page 5: วิทยบรรณสารelib.coj.go.th/Ebook/data/Journal/insd2011_5.pdf · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป

ปรียนันท์ จรรยา กฎหมายน่าสนใจ

* บรรณารักษ์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานเอกสารพิเศษทางกฎหมาย

สวสัดคีะ่ฉบบันี้ขอแนะนำกฎหมายทีน่า่สนใจคะ่ถา้สนใจกฎหมายเรือ่งใดสามารถคน้ไดท้ีเ่วบ็ไซต์http://www.ratchakitcha.

soc.go.thหรือhttp://www.library.coj.go.th/ที่“ศูนย์ข้อมูลกฎหมายใหม่”หรือที่“DOWNLOADกฎหมาย”มีดังนี้ค่ะ

1.ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยการงบประมาณ(ฉบับที่3) หน้า 1

พ.ศ.2554

(ประกาศราชกิจจานุเบกษาเล่มที่128ตอน66กวันที่2กันยายนพ.ศ.2554)

2.ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการดำเนินการศึกษาอบรมหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและ หน้า 2

การเลือกตั้งระดับสูง(ฉบับที่2)พ.ศ.2554

(ประกาศราชกิจจานุเบกษาเล่มที่128ตอน66กวันที่2กันยายนพ.ศ.2554)

3.ระเบียบคณะกรรมการอัยการว่าด้วยคณะอนุกรรมการอัยการเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยและ หน้า 3

การออกจากราชการของข้าราชการธุรการสำนักงานอัยการสูงสุดพ.ศ.2554

(ประกาศราชกิจจานุเบกษาเล่มที่128ตอน66กวันที่2กันยายนพ.ศ.2554)

4.ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งเรื่องให้ย่นหรือขยายระยะเวลาหรืองดเว้นการดำเนินการเกี่ยวกับ หน้า 7

การเลือกตั้งกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้งสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่

(ประกาศราชกิจจานุเบกษาเล่มที่128ตอน66กวันที่2กันยายนพ.ศ.2554)

5. ประกาศคณะกรรมการอัยการเรื่องการแบ่งหน่วยงานและการกำหนดอำนาจและหน้าที่ของหน่วยงาน หน้า 9

ภายในของสำนักงานอัยการสูงสุดพ.ศ.2554

(ประกาศราชกิจจานุเบกษาเล่มที่128ตอน66กวันที่2กันยายนพ.ศ.2554)

6. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดภูเก็ต(ฉบับที่2)พ.ศ.2554 หน้า 1

(ประกาศราชกิจจานุเบกษาเล่มที่128ตอน67กวันที่14กันยายนพ.ศ.2554)

7.กฎกระทรวงฉบับที่282(พ.ศ.2554)ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร หน้า 4

(ประกาศราชกิจจานุเบกษาเล่มที่128ตอน67กวันที่14กันยายนพ.ศ.2554)

8. กฎกระทรวงการหักเงินงบประมาณรายได้ประจำปีสมทบเข้าเป็นกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หน้า 1

กรุงเทพมหานครพ.ศ.2554

(ประกาศราชกิจจานุเบกษาเล่มที่128ตอน69กวันที่21กันยายนพ.ศ.2554)

9. ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งเรื่องกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองพ.ศ.2554 หน้า 1

(ประกาศราชกิจจานุเบกษาเล่มที่128ตอน71ก26กันยายนพ.ศ.2554)

10.ข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยพื้นความรู้หลักเกณฑ์และวิธีการจดทะเบียนและลบชื่อ หน้า 20

ออกจากทะเบียนผู้ประนีประนอมคดีครอบครัวพ.ศ.2554

(ประกาศราชกิจจานุเบกษาเล่มที่128ตอน71กวันที่26กันยายนพ.ศ.2554)

11. ข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีการดำเนินคดีคุ้มครองสวัสดิภาพพ.ศ.2554 หน้า 25

(ประกาศราชกิจจานุเบกษาเล่มที่128ตอน71กวันที่26กันยายนพ.ศ.2554)

5ปีที่ 5 ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2554 ศูนย์วิทยบริการศาลยุติธรรม

Page 6: วิทยบรรณสารelib.coj.go.th/Ebook/data/Journal/insd2011_5.pdf · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป

ปิยะพร เจนกาญจนดิลก บรรณารักษ์สัญจร

6 จดหมายข่าว วิทยบรรณสาร

* บรรณารักษ์ชำนาญการ กลุ่มงานสนับสนุนห้องสมุดประจำศาล

นอกเหนือจากการเป็นเมืองมหาวิทยาลัยแล้ว มหาสารคามยังมีทรัพยากรการท่องเที่ยวที่โดดเด่นในด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม

และประเพณีมากมายได้แก่

พระธาตุนาดูน กรมศิลปากรและราษฎร์ในตำบลนาดูนได้ขุดพบ

พระบรมสารีริกธาตุจากเนินดินที่เป็นซากโบราณสถาน ในปีพุทธศักราช 2522 บริเวณ

ที่นาของราษฎร ท้องที่หมู่ที่ 1 ตำบลนาดูน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม

พระบรมสารีริกธาตุมีสัณฐานดังเกล็ดแก้วประดิษฐ์สถานในผอบ 3 ชั้น ชั้นในเป็น

ทองคำ ชั้นกลางเป็นเงิน ชั้นนอกเป็นสำริด ซ้อนกันเรียงตามลำดับ และบรรจุอยู่

ในสถูปจำลองอีกชั้นหนึ่งเป็นสถูปโลหะทรงกลม

กู่สันตรัตน์ อยู่ห่างจากอำเภอนาดูนประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นปราสาทหินที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็น

ศิลปะขอม อายุระหว่าง พ.ศ. 1700 - 1750 ตัวปราสาทสร้างด้วยศิลาแลงเป็นแท่งสี่เหลี่ยมเหมือนกู่มหาธาตุ และมีทับหลังประตูมุขหน้า

จำหลักลายงดงามน่าดู

หลวงพ่อพระยืน (วัดสุวรรณาวาส) และหลวงพ่อพระยืน (วัดพุทธมงคล) ทั้งสองพระองค์ทรงอานุภาพ

ศักดิ์สิทธิ์ เป็นปูชนียวัตถุที่ควรแก่การสักการะเคารพบูชายิ่ง ทั้งสององค์นี้ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า “หลวงพ่อพระยืน” เป็นพระพุทธรูปที่

ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง เป็นมิ่งขวัญเป็นที่พึ่งพาทางใจของชาวกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม เป็นปรางสรงน้ำ พระเนตรและเนื้อองค์พระ สร้างด้วย

ศลิาแลงอยา่งดีเปน็พระพทุธรปูทีน่ยิมสรา้งในสมยัขอมกอ่นยคุสโุขทยัหลวงพอ่พระยนืทัง้สองผนิพระพกัตรไ์ปทางทศิทกัษณิหลวงพอ่พระยนื

ทั้งสององค์อยู่ห่างกันประมาณ1,250เมตร

จังหวัดมหาสารคามยังมีความเจริญไม่มากนัก ผู้ที่มาเยี่ยมเยือนเมืองนี้จึงได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชาวอีสานอันเรียบง่ายและบริสุทธิ์

เป็นเสน่ห์ที่นับวันจะหาได้ยากในสังคมเมืองปัจจุบัน

มหาสารคาม....ตักศิลาแห่งอีสาน บรรณารักษ์สัญจรในครั้งนี้พวกเราได้เดินทางไปจัดวางปรับปรุงครุภัณฑ์สภาพภูมิทัศน์และระบบ

งานห้องสมุดประจำศาล ในระหว่างวันที่ 21 – 27 สิงหาคม 2554 ให้แก่ศาลจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งเป็น

จังหวัดเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เป็นระยะทางประมาณ 475 กม. และได้ชื่อว่าเป็น “พุทธมณฑล

อีสาน”

มหาสารคามเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ใจกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีบรรยากาศเต็มไปด้วย

ความสงบ และเป็นศูนย์กลางทางด้านการศึกษาของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงได้ชื่อว่าเป็น “ตักศิลา

แห่งอีสาน”เนื่องจากมีสถาบันการศึกษาอยู่มากมายหลายแห่งเช่นมหาวิทยาลัยมหาสารคามมหาวิทยาลัย

ราชภัฏมหาสารคามวิทยาลัยพลศึกษามหาสารคามเป็นต้น

Page 7: วิทยบรรณสารelib.coj.go.th/Ebook/data/Journal/insd2011_5.pdf · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป

กัญญา ภู่ตระกูล, รุ่งนภา รัตนประเสริฐศรี

พิพิธภัณฑ์ ... สรรมาเล่า

* บรรณารักษ์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานพิพิธภัณฑ์และเอกสารจดหมายเหตุ * บรรณารักษ์ชำนาญการ กลุ่มงานพิพิธภัณฑ์และเอกสารจดหมายเหตุ

7ปีที่ 5 ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2554 ศูนย์วิทยบริการศาลยุติธรรม

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ร.ศ. 115 (พ.ศ. 2440) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดเส้นทาง

รถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ระยะทางระหว่างกรุงเทพฯ – กรุงเก่า เป็นครั้งแรก และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จไปเปิด

ที่ว่าการและศาลมณฑลกรุงเก่าด้วย ศาลมณฑลกรุงเก่าเดิมตั้งอยู่ในบริเวณพระที่นั่งพิมานรัตยา ในพระราชวังจันทรเกษม ต่อมาภายหลัง

จึงได้มีการประกาศตั้งศาลมณฑลกรุงเก่าตามพระธรรมนูญศาลหัวเมืองอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ร.ศ. 116 (พ.ศ. 2441)

อาคารศาลมณฑลกรุงเก่าหลังนี้ได้ถูกใช้งานมานานจึงมีสภาพเก่าและคับแคบเพราะต้องอยู่รวมกับที่ว่าการมณฑล ข้าราชการในขณะนั้น

จึงได้เสนอเรื่องขอจัดสรรงบประมาณเพื่อสร้างอาคารที่ทำการศาลถาวรในปี ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2452) โดยสร้างขึ้นที่ข้างๆ พระราชวัง

จันทรเกษมกับที่ว่าการหอทะเบียนผู้รับเหมาก่อสร้างชื่อ จีนจงศาลได้สร้างเสร็จและเปิดที่ทำการศาล เมื่อวันที่ 1พฤษภาคมพ.ศ. 2453

โดยพระยาโบราณบุรานุรักษ์ (พร เตชะคุปต์) เป็นประธานในพิธีเปิด ลักษณะศาลเป็นอาคารตึก 2 ชั้น มีห้องพิจารณาคดี 4 ห้อง ใช้เป็น

ที่ทำการศาลมณฑลกรุงเก่า(มณฑลอยุธยา)ปัจจุบันอาคารศาลหลังนี้ได้ใช้เป็นอาคารที่ทำการของศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา

ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะการปกครองประเทศ ศาลได้มีการแก้ไขปรับปรุง

และจัดระเบียบศาลขึ้นใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะการปกครอง ศาลมณฑลซึ่งทำหน้าที่เป็นศาลอุทธรณ์หัวเมืองในสมัยก่อน และ

ทำหน้าที่ชำระคดีที่เกินอำนาจของศาลจังหวัดได้ถูกยกเลิกไปในปี พ.ศ. 2476 ศาลมณฑลเดิมที่เคยมีศาลเมืองต่างๆ รวมกันเป็นศาลมณฑล

ได้ถูกยกเลิกและได้เปลี่ยนฐานะมาเป็นศาลจังหวัด ด้วยเหตุนี้ศาลมณฑลอยุธยาจึงเปลี่ยนเป็นศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยายุบตำแหน่ง

อธิบดีผู้พิพากษาศาลมณฑลและตั้งข้าหลวงยุติธรรมขึ้นในปี พ.ศ. 2478 ดังนั้น สถานที่ตั้งของศาลมณฑลกรุงเก่า ศาลมณฑลอยุธยา

ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและศาลแขวงพระนครศรีอยุธยาปัจจุบันก็คือศาลซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลหัวเมืองแห่งแรกของไทย

ที่สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่5นั่นเอง

ศาลมณฑลกรุงเก่า ศาลหัวเมืองแห่งแรกของไทย

(ตอนที่ 2)

Page 8: วิทยบรรณสารelib.coj.go.th/Ebook/data/Journal/insd2011_5.pdf · ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป

8 จดหมายข่าว วิทยบรรสาร

วันวิสาข์ อรัญวารี

* บรรณารักษ์ปฏิบัติการ กลุ่มงานพัฒนาระบบสารสนเทศ

สนใจ ! สมัครสมาชิก จดหมายข่าววิทยบรรณสาร ฟรี ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

ชื่อ-นามสกุล...............………………..................................................................................……..............................

สถานที่ทำงาน……….....................................................…………….........................................................................

ประสงค์รับด้วยตนเองที่ศูนย์วิทยบริการศาลยุติธรรมอาคารศาลอาญาชั้น6ถ.รัชดาภิเษกกรุงเทพฯ10900

ประสงค์ให้จัดส่งทางE–mail

………………………………………………………………………........................................................................

(เฉพาะบุคลากรในหน่วยงานสำนักงานศาลยุติธรรม)ประสงค์ให้จัดส่งให้ทางไปรษณีย์ที่อยู่ศาล............................

........................................................โทรศัพท์.................................................โทรสาร..........................................

ส่งใบสมัครได้ที่ศูนย์วิทยบริการศาลยุติธรรม(กลุ่มงานช่วยอำนวยการ)อาคารศาลอาญาชั้น6

ถ.รัชดาภิเษกกรุงเทพฯ10900Fax.025128445

เปรียบเทียบข้อดีของหนังสือฉบับกระดาษ

กับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (ตอนที่ 1)

(ข้อมูลจาก http://www.libraryhub.in.th/2011/01/29/compare-paper-book-and-ebooks/)

วันนี้ดิฉันได้เจอบทความดีๆ จาก Blog ของ libraryhub จึงอยากนำมาเสนอเพื่อ

เปรยีบเทยีบขอ้ดขีองหนงัสอืฉบบักระดาษกบัหนงัสอือเิลก็ทรอนกิส์วา่มขีอ้ดแีตกตา่งกนัอยา่งไร

ซึ่งในBlogได้สรุปไว้เป็นประเด็นที่เข้าใจง่ายและมองเห็นภาพที่ชัดเจนได้ดังนี้

ประเด็นที่บอกว่าหนังสือดีกว่า e b o o k s 1. Feel หรือ ความรู้สึก – เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พูดกันมากอยู่แล้วว่าหนังสือแบบกระดาษยังคงให้ความรู้สึกที่ดีต่อการอ่านมากกว่า

การได้จับกระดาษพลิกกระดาษไปทีละหน้าเป็นเรื่องที่e b o o k s ยังหาความรู้สึกมาแทนไม่ได้

2. Packaging หรือรูปลักษณะของตัวเล่มหนังสือ – นอกจากในเรื่องของตัวเล่มแล้วยังรวมถึงสิ่งที่มากับหนังสือ เช่น

ภาพประกอบหนงัสอืดว้ยการทีร่ปูบางรปูไปอยูใ่นe b o o k s มนัทำใหไ้มส่ะดวกตอ่การดเูพราะหนา้จอของe b o o k s มนัเลก็กวา่หนงัสอืบางเลม่

แม้ว่า e b o o k s จะมีฟังค์ชั่นในการขยายรูปภาพ แต่ก็ไม่ชัดเจนเท่ากับการดูภาพฉบับจริง นอกจากนี้ปกหนังสือก็เป็นจุดดึงดูดให้คนสนใจ

หนังสือมากกว่าด้วยหากปกหนังสือในe b o o k s หลายๆรุ่นยังไม่มีภาพที่เป็นสีเลยทำให้จุดนี้หนังสือแบบเดิมก็ยังคงดีกว่าe b o o k s

3. Sharing หรือการแบ่งปัน – ในแง่นี้หมายถึงการให้เพื่อนยืมไปอ่าน การนำหนังสือไปบริจาคต่อให้คนอื่น ถ้าเป็น e b o o k s

มันจะมีการติดสิทธิ์จำพวกDRMซึ่งทำให้เกิดความไม่สะดวกหรือบางเล่มไม่สามารถนำไปให้คนอื่นอ่านต่อได้ลิขสิทธิ์ของe b o o k s จะมีแค่

เจ้าของเพียงคนเดียวแต่หนังสือหากเราอ่านจบแล้วยังส่งต่อให้ใครก็ได้ยืมอ่านต่อ

4. Keeping หรือ การเก็บ–จากเรื่องของDRMในข้อเมื่อกี้แล้วสิ่งที่น่าคิดอีกคือในอนาคตe b o o k s อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง

รูปแบบไปมากกว่านี้สมมุติว่าเราซื้อe b o o k s ในปีนี้เวลาผ่านไปอีก10ปีเราอยากจะอ่านเล่มนี้อีกเราอาจจะต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่เปลี่ยน

โปรแกรมอ่านใหม่ ซึ่งอาจไม่เหมาะสมหรือใช้งานไม่ได้ แต่มุมมองกลับกันถ้าเป็นหนังสือ อีก 10 ปี หากเราอยากอ่านก็หยิบหนังสือเล่มเดิม

ออกมาไม่ต้องเปลี่ยนปกใหม่เราก็ยังสามารถอ่านได้

5. Second hand book หรือ หนังสือมือสอง–เรื่องนี้ก็ไม่พ้นDRMเช่นกันหากเราอ่านหนังสือเล่มเดิมๆจนเบื่อแล้วถ้าเป็น

หนังสือเราก็เอาไปขายต่อเป็นหนังสือมือสองได้แต่e b o o k s ไม่สามารถขายได้เนื่องจากมันจะผูกกับสิทธิ์เจ้าของเพียงคนเดียว

อย่าเพิ่งตัดสินใจว่า หนังสือดีกว่า e b o o k s นะคะ ฉบับหน้าจะมาบอกว่า หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ดีกว่าอย่างไรค่ะ


Recommended